ไขมันพอกตับ กลุ่มโรคกินดีอยู่ดีที่สร้างปัญหา

ไขมันพอกตับคือภาวะการสะสมไขมันในตับที่มากเกินไปคือมากกว่า 5% ของน้ำหนักตับ จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งนำไปสู่การเกิดตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด ปกติร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งมาจาก 2 แหล่งใหญ่ๆคือหน้าท้องและตับ ไขมันที่ตับนับเป็นแหล่งพลังงานใหญ่ที่สุด หากเกิดการสะสมของไขมันที่ตับมากๆ จะส่งผลให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด ปกติตับที่แข็งแรงจะมีไขมันเพียงเล็กน้อย หากตรวจพบไขมันในตับประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ ถือว่ามีภาวะไขมันพอกตับ โรคไขมันพอกตับส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง หรือส่งผลต่อการทำงานของตับ แต่พบว่า 7- 30% ของผู้ป่วยภาวะไขมันพอกตับจะมีอาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เกิดการอักเสบและมีพังผืดเกิดขึ้นภายในตับ ส่งผลให้มีการดำเนินโรคที่มากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น โดยภาวะไขมันพอกตับ แบ่งได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เป็นระยะการสะสมไขมันในตับ ยังไม่มีอาการหรือการอักเสบเกิดขึ้นในตับ มักตรวจพบโดยบังเอิญ หรือจากการตรวจสุขภาพ ระยะที่ 2 เป็นระยะที่มีการอักเสบของตับ เซลล์ตับได้รับความเสียหาย ค่าการทำงานของตับจากผลเลือดผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังและมีพังผืดเกิดขึ้นได้ ระยะที่ 3 เป็นระยะที่มีพังผืดภายในเนื้อตับและเส้นเลือดในตับ ในระยะนี้ตับยังสามารถทำงานได้ปกติ หากได้รับการรักษาที่สาเหตุ ก็จะสามารถหยุดการดำเนินโรคต่อไปได้ ระยะที่ 4 เป็นระยะตับแข็ง เนื่องจากตับได้รับความเสียหายถาวร เกิดเป็นพังผืดทั่วทั้งตับและกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับวายและมะเร็งตับได้

Scroll to Top